ฟรีดา คาห์โล มีชื่อจริงว่า แมกดาเลนา การ์เม็น ฟรีดา กาห์โล อี กาลเดรอน (Magdalena Carmen Frieda Kahlo y Calderón) เกิดที่เมืองเล็ก ๆ ชานเม็กซิโกซิตี ในเขตโคโยอากาน Coyoacán บิดาเชื้อสายเยอรมันฮังกาเรียน ชื่อ "กิเยร์โม กาห์โล" Guillermo Kahlo อพยพจากประเทศเยอรมนี และสมรสกับ "มาติลเด กาลเดรอน อี กอนซาเลส" Matilde Calderón y Gonzalez มารดาผู้สืบเชื้อสายชาวสเปนกับชาวอเมอริเดียน ของฟรีดา ภายหลังภรรยาคนแรกเสียชีวิตเพราะการคลอดบุตร ฟรีดาเติบโตมาในครอบครัวที่ไม่มีความสุข แต่ใกล้ชิดกับบิดามากว่ามารดา เมื่อฟรีดาอายุ 6 ขวบ ป่วยเป็นโรคโปลิโอ ส่งผลให้ขาซ้ายลีบเล็กกว่าขาขวาแต่ก็สามารถพิชิตความพิการได้ในที่สุด ในปี พ.ศ. 2465 ฟรีดาได้เข้าเรียนในโรงเรียนชั้นมัธยมปลาย (Preparatoria) เป็นหนึ่งในจำนวนนักศึกษาสตรี 35 คน ในช่วงนั้นเองฟรีดาได้ประสบกับจลาจลบนท้องถนนของการปฏิวัติเม็กซิกัน เหตุการณ์นี้นำความเปลี่ยนแปลงมาสู่ชีวิตของฟรีดา
ในปี พ.ศ. 2468 รถรางชนกับรถประจำทางที่ฟรีดานั่ง ทำให้ได้รับบาดเจ็บสาหัส โดยเฉพาะที่กระดูกเชิงกราน และมดลูก เป็นสาเหตุให้ต่อมาตั้งครรภ์ด้วยความเสี่ยง ภายหลังจากการบาดเจ็บ ฟรีดากลับมาเดินได้อีกแต่ก็กลับไปมีอาการเจ็บปวดไปตลอดชีวิต ทำให้ต้องเข้าโรงพยาบาลครั้งละนาน ๆ และได้เข้ารับการผ่าตัด ถึง 35 ครั้ง ที่หลังและขาขวา
ภายหลังจากอุบัติเหตุฟรีดาหันเหความสนใจไปศึกษาศิลปะแทน ภาพเขียนของฟรีดาสะท้อนชีวิตอันขื่นขมอย่างตรงไปตรงมาจนน่าตกใจ ทั้งการสมรสที่ล้มเหลว การตั้งครรภ์และการผ่าตัดต่างๆ 55 ภาพในจำนวน 143 ภาพเป็นภาพเหมือนของตัวเอง มักมีการสื่อความหมายเชิงสัญลักษณ์เกี่ยวกับบาดแผลทางกายและทางใจของฟรีดา ฟรีดาได้รับอิทธิพลจากวัฒนธรรมพื้นถิ่นเม็กซิกันอย่างยิ่ง โดยสะท้อนเป็นสีสันอันสดใสใน สัญลักษณ์ต่าง ๆ ในภาพเขียน
แม้ว่างานของฟรีดาถูกจัดให้อยู่ในรูปแบบเหนือจริง และออกแสดงกับพวกลัทธิเหนือจริงของยุโรป แต่ฟรีดาไม่นับตัวเองเป็นพวกลัทธิเหนือจริง งานที่มีท่วงทำนองส่วนใหญ่เกี่ยวกับสตรี ส่งให้ฟรีดากลายเป็นแม่แบบของนักสตรีนิยมในทศวรรษสุดท้ายของศตวรรษที่ 20
ดิเอโก ริเวรา สนใจภาพเขียนของฟรีดา ต่อมาทั้งคู่ก็แต่งงานกัน ทั้งสองมักถูกมารดาของฟรีดา ผู้ไม่ถูกชะตากับลูกเขย ค่อนแคะเปรียบเปรยว่าเป็น "ช้างกับเขา" ตามขนาดร่างกาย เมื่อแรกแต่งงาน เขาอายุ 42 ปี สูง 186 เซนติเมตร หนัก 136 กิโลกรัม ส่วนฟรีดา อายุ 22ปี สูง 160 เซนติเมตร หนัก 44.5 กิโลกรัม
ชีวิตสมรสของทั้งคู่ไม่ใคร่ราบรื่น เพราะ ดิเอโกเป็นคนเจ้าชู้ อารมณ์ร้อนของทั้งสองก็มีส่วนกับชีวิตสมรสที่ไม่ราบรื่นด้วย ทั้งคู่ต่างคบชู้เหมือนกัน เมื่อฟรีดาจับได้ว่าดิเอโกมีความสัมพันธ์กับพี่สาวก็โกรธเป็นฟืนเป็นไฟ ทั้งคู่หย่าขาดจากกันแล้วกลับมาแต่งงานกันใหม่ในปี พ.ศ. 2483 แต่ชีวิตสมรสก็ยังลุ่ม ๆดอน ๆ เช่นเดิม
ฟรีดาไม่คิดปกปิดดิเอโกว่าตนเป็นไบเซ็กชวล ดิเอโกยอมรับความสัมพันธ์กับหญิงอื่นของภรรยา ไม่ได้ เพราะรู้สึกอิจฉายิ่ง
ฟรีดาและดิเอโกต่างเป็นผู้ฝักใฝ่คอมมิวนิสต์ เป็นสหายของ ลีออน ทรอตสกี ผู้ลี้ภัยทางการเมืองจากสหภาพโซเวียตภายใต้การปกครองของ โจเซฟ สตาลิน แต่แรกนั้น ทรอตสกีอาศัยอยู่กับดิเอโกแล้วจึงมาอยู่ฟรีดาเมื่อทั้งสองลักลอบเป็นชู้กัน ต่อมาทรอตสกีย้ายไปอยู่บ้านอีกหลังกับภรรยาที่ Coyoacán และถูกลอบสังหารในที่สุด ภายหลังการตายของทรอตสกี ฟรีดาประณามเขาและหันมายกย่องสหภาพโซเวียตของสตาลิน ชื่นชอบนิยมเหมา เจ๋อตุง เรียก ประเทศจีน ว่า เป็น"ความหวังใหม่ของนักสังคมนิยม"
ฟรีดา เจ็บกระเสาะกระแสะในช่วงหลายปีหลังและเกิดเนื้อตายที่ขา ถึงแก่กรรมเมื่อวันที่ 13 กรกฎาคม พ.ศ. 2497 ไม่มีการชันสูตรศพ และมีคำเล่าลือว่าเธอฆ่าตัวตาย ก่อนหน้าการตายไม่กี่วัน ฟรีดาเขียนอนุทินว่า "ฉันหวังว่าทางออกนั้นคงน่ายินดี ฉันหวังว่าคงไม่ต้องกลับมา"
ไม่มีความคิดเห็น :
แสดงความคิดเห็น